หลักสูตร VET COURSE

หลักสูตรวิชาชีพ หรือ VET COURSE

 (Vocational Education and Training)

 

พูดถึงการเรียนแบบนี้ถ้าเทียบกับในเมืองไทยก็เทียบได้กับปวช. (Diploma) และ ปวส. (Advanced Diploma) ครับ โดยที่นี่คนไทยจะเรียกกันติดปากว่า “เรียน Dip” (ซึ่งย่อมาจาก Diploma นั่นเอง) คำว่าเรียน Dip โดยทั่วไปหมายรวมถึงคอร์สในระดับอนุปริญญาหลายระดับ ตั้งแต่ Certificate I-IV , Diploma , Advanced Diploma (Certificate คือคล้ายๆเป็น ประกาศณียบัตร มี 4 ระดับคือ Certificate I , Certificate II, Certificate III และ Certificate IV) คอร์สที่เปิดสอนมีหลากหลายมากมายที่เป็นที่นิยมในหมู่เด็กนักเรียนไทย ได้แก่ Business, Tourism , Hospitality (งานบริการ การโรงแรม), Cookery (ทำอาหาร), Patisserie (ทำขนม) เป็นต้น

วีซ่า

  • หากไปเรียนคอร์สระยะสั้นๆ ไม่เกิน 3 เดือน ใช้เป็นวีซ่านักท่องเที่ยวก็ได้เหมือนกัน แถมยังประหยัดกว่า (ค่าธรรมเนียม ประมาณ 4,250 บาท)
  • วีซ่านักเรียน (Student Visa) เหมาะกับคนที่แพลนจะไปเรียนภาษายาวๆ 6-12 เดือน ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ประมาณ 17,500 บาท ถ้าจะไปเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว แนะนำให้เลือกแบบ sub class 520 ซึ่งเหมาะกับน้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบหรือทำงานมาแล้วระยะหนึ่งและมีใบรับรองการทำงาน
  • แต่หากต้องการเรียนภาษาอังกฤษพร้อมๆ กับเรียน Diploma ไปด้วย อันเป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนวัยทำงาน สิ่งที่ควรจะมีก็คือ statement ที่ดี และประสบการณ์การทำงานที่ตรงมาก่อน ก็จะทำให้สามารถยื่นขอวีซ่าประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น
  • การเตรียม Bank Statement หรือข้อมูลทางการเงินจากธนาคารที่ใช้พิจารณาร่วมในการยื่นขอวีซ่า ถ้าไปเรียนภาษา 6 เดือน ควรมีการเคลื่อนไหวและมีเงินอยู่ในบัญชี อย่างน้อย 400,000 – 500,000 บาท, เรียนภาษา + diploma 1-2 ปี ควรอยู่ที่ 750,000 ขึ้นไป

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย ระยะเวลา 6 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 200,000+ บาท ถ้าเรียน diploma ด้วยหรือ 12 เดือน ก็จะตกประมาณ 220,000 – 300,000 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของน้องๆ เอง ซึ่งอาจจะต่ำกว่าหรือสูงกว่านี้ก็ได้
  • ค่าคอร์สเรียนภาษา 200 – 400 AUD / สัปดาห์ ค่าสมัครเรียน 150 – 200 AUD ค่าหนังสือเรียน 70 – 250 AUD ไม่เกินนี้
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เฉลี่ยประมาณ 1,200 – 1,500 AUD ต่อเดือน (ประมาณ 31,000 – 40,000 บาท)

Entry Requirement โดยทั่วไป :
- จบ Grade 10 (มัธยมศึกษาปีที่ 5)
- IELTS 5.5 (academic) หรือ มีใบประกาศระดับภาษาอังกฤษว่าภาษาเราอยู่ระดับ Upper Intermediate จากสถาบันภาษาที่ได้รับการยอมรับ 
ส่วนตัวผมว่าแม้การเรียน Dip จะได้รับการแบ่งแยกตามสาขาวิชา ระดับ และระยะเวลาที่เรียน แต่ถ้าจะแบ่งให้เข้าใจง่ายน่าจะดูตามจุดประสงค์มากกว่า

1 เรียนเพราะอยากได้ Skill พิเศษไปประกอบอาชีพใน Australia หรือที่ไทย : 
Skill ต่างๆที่พูดถึงนี้ได้แก่ การนวด , การทำอาหาร , ทำขนม , ทำเล็บ , ทำผม , ออกแบบ, ทำ Animation, IT และอื่นๆ ตามแต่ต้องการ 
การเรียน Dip ในหมวดนี้ราคาจะสูงหน่อยเพราะเน้นให้เราทำงานได้จริง หรือ Practical Skill ดังนั้นเค้าจึงต้องจ้าง Staff และจัดสถานที่ไว้ให้เราฝึกให้ทำเป็นกันจริงๆ ต้นทุนเลยสูง ราคาขายเลยแพงเป็นธรรมดา
คอร์สเหล่านี้รวมๆถึง Skill ต่างๆ ที่เป็นที่ต้องการของประเทศนี้ซึ่งเมื่อเรียนจบก็จะมีสิทธิ์ขอ Permanent Residency ของที่นี่ได้ (แต่สมัยนี้มันก็ยากเหลือแสน)


2 เรียนขำๆ เน้นทำงานมากกว่า :
แม้จะขัดกับวัตถุประสงค์ของวงการการศึกษาออสเตรเลียไปสักหน่อย แต่ถ้าพูดกันตามตรงผมว่าคอร์สเรียนแบบนี้ดึงดูดให้เด็กนักเรียนต่างชาติมาอยู่ในประเทศนี้เยอะเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว (และปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กนักเรียนไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น) ซึ่งคอร์สเรียนเหล่านี้มักจะไม่เน้นมากเรื่องความยากของการเรียน ตลอดจนการทำรายงานหากเทียบเท่ากับคอร์สในข้อ 2.1 หรือในระดับมหาวิทยาลัย 
คอร์สเหล่านี้มักจะค่อนข้างยืดหยุ่นในเรื่องของตารางเวลาเรียน และราคาก็ไม่สูงนัก (ที่ซิดนีย์นี่ราวๆ 1200-1400 AUD ต่อ 3 เดือน หรือถูกกว่า – ถ้าที่ Melbourne ก็จะแพงกว่านี้หน่อยครับ) 



1.3 เรียนเพื่อต่อในมหาวิทยาลัย
คอร์สด้านวิชาชีพบางสาขา เช่น บัญชี และ Business เมื่อเรียนครบจบตามที่เค้ากำหนดไว้ เราสามารถนำวิชาที่เรียนไปแล้วไปขอยกเว้นราชวิชาในระดับปริญญาตรีได้อีก ซึ่งด้วยความที่ว่าคอร์สในระดับนี้ราคาถูกกว่าเรียนปริญญาตรีเยอะพอสมควร ดังนั้นก็จะเป็นที่นิยมสำหรับเด็กที่กะไว้แล้วว่าจะมาเรียนตรีที่นี่ เช่น อาจจะเรียน Diploma ก่อน 2 ปี แล้วไปเรียนตรีอีก 1 ปี เป็นต้น (ซึ่งก็จะประหยัดไปได้หลายพันดอลลาร์)
อย่างไรก็ตามคอร์สแบบนี้ใช้ยกเว้นรายวิชาได้เฉพาะในระดับปริญญาตรีเท่านั้นครับ

29 พฤศจิกายน 2566

ผู้ชม 6176 ครั้ง